วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557

เวบบอร์ด

http://www.madogun.com/thread.php?fid=276
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?board=44.0
http://phangkhon.com/57-1/%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C+%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%99+%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD.html
http://serv2thai.com/forum/forumdisplay.php?fid=25
http://www.liveinbangkok.com/forum/index.php?board=24.0
http://www.onlinejung.com/thread.php?fid-63.html
http://www.game-ded.com/forum/index.php?board=2.0
http://forum.sabyezone.com/index.php/board,96.0.html
http://www.freeforum101.com/progame/viewforum.php?f=8&mforum=progame
http://www.camfrog.in.th/forum.php?mod=forumdisplay&fid=103
http://www.siamsporttalk.com/index.php?board=4.0
http://www.vclassspecial.com/bikerclub/bigbike-classified/
http://cefiro4u.com/forum/index.php/board,24.0.html
http://thaiearnclub.com/index.php?board=15.0
http://www.trialsclub.cmxseed.com/trialsclubforum/index.php?board=8.0
http://www.usedgallery.com/index.php?board=19.0
http://ptc.icphysics.com/webboard/SFM/index.php?board=18.0
http://www.lcdtvthailand.com/webboard/index.php?board=7.0
http://forum.khonkaenlink.info/index.php?board=7.0
http://www.udon108.com/thai/forumdisplay.php?f=41
http://xn--b3c5anl1a6ivb5c.com/index.php?board=29.0

วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

พื้นฐานเครื่องยนต์

หน้า: [12 3   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียนหัวข้อ: พื้นฐานเรื่องเครื่องยนต์ที่ควรรู้  (อ่าน 11840 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
CoRoNa MaFiA
CoRoNa TOM'S LiMitEd EdiTioN
CoRoNa Thailand Member
มันอยู่ในสายเลือด
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,447


Corona GT Concept !!!(^.' )//


� เมื่อ: มีนาคม 12, 2008, 12:10:10 pm �

ซีซี กับความแรง
ซีซี เป็นหน่วยการวัดปริมาตรของทุกกระบอกสูบของเครื่องยนต์ ซีซี=คิวบิกเซนติเมตร ในยุคที่ผู้ผลิตยังไม่มีความแตกต่างด้านเทคโนโลยีบรรจุไว้ในเครื่องยนต์มากนัก การใช้ซีซีเป็นพื้นฐานในการเดาความแรงแบบคร่าวๆ ยังพอบอกได้ว่าเครื่องยนต์ซีซีน้อยจะมีกำลังต่ำกว่าเครื่องยนต์ที่มีซีซีมากแต่ในยุคปัจจุบันเป็นคนละเรื่องกัน
การเดากำลังของเครื่องยนต์จากซีซี ไม่ใช่เรื่องที่แม่นยำ ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของเทคโนโลยี เช่น เครื่องยนต์ 2,000 ซีซี แคมชาฟท์เดี่ยว 8 วาล์ว คาร์บูเรเตอร์ เป็นไปได้ที่จะมีกำลังต่ำกว่าเครื่องยนต์ 1,800 ซีซี ที่พกเทคโนโลยีมาเพียบ ทวินแคม 16 วาล์ว หัวฉีด เทอร์โบ
 
ความทนทาน
ตามพื้นฐานของเครื่องยนต์ยุคเก่าเมื่อกว่า 10-20 ปีที่แล้ว ชิ้นส่วนต่างๆ ไม่ค่อยทนทาน และน้ำมันเครื่องยังมีคุณภาพไม่สูงมาก จึงมีมาตรฐานกลายๆ ว่า เครื่องยนต์จะหลวมเมื่อผ่านการใช้งานไป 100,000-150,000 กิโลเมตร มาตรฐานนี้สมควรถูกลบล้างไป เนื่องจากเครื่องยนต์ยุคนี้มีความทนทานขึ้นมาก หากได้รับการดูแลรักษาที่ดี อายุการใช้งานโดยเฉลี่ยมักเกิน 250,000 กิโลเมตร เครื่องยนต์บางรุ่นทนทานเกิน 400,000 กิโลเมตร
เครื่องยนต์หลวม
เราสามารถสังเกตได้จากความผิดปกติได้คือ 1. กินน้ำมันเครื่องมากไหม ระยะทาง 3,000 กิโลเมตร ไม่ควรพร่องเกินครึ่งลิตร2. มีควันสีขาวออกทางท่อไอเสียไหม 3. ท่อไอเสียชื้นฉ่ำด้วยคราบน้ำมันเครื่องไหม
แต่อย่าเพิ่งสรุป เพราะอาการหลักของเครื่องยนต์หลวม คือ แหวน-กระบอกสูบ-ลูกสูบหลวม ทำให้แรงตก และน้ำมันเครื่องเล็ดลอดผ่านแหวนลูกสูบเข้าสู่ห้องเผาไหม้ และเผาไหม้ออกมาเป็นควันสีขาว ทำให้กินน้ำมันเครื่อง
แต่การที่น้ำมันเครื่องสามารถเล็ดลอดเข้าสู่ห้องเผาไหม้ อาจมาจากอีกทาง คือ ยางตีนวาล์ว (หรือหมวกวาล์ว) หมดสภาพทำให้น้ำมันเครื่องไหลผ่านก้านวาล์วไอดีลงมาในห้องเผาไหม้ได้ กรณีนี้ต้องวัดกำลังอัดในกระบอกสูบด้วยเครื่องมือ เพราะการซ่อมแซมจะเกี่ยวกับส่วนของฝาสูบเท่านั้น แหวนลูกสูบยังไม่หลวม
 
น้ำมันเครื่อง
ไม่ได้ทำหน้าที่แค่การหล่อลื่น ยังช่วยระบายความร้อน ป้องกันสนิม และทำความสะอาดภายในเครื่องยนต์อีกด้วย การใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพต่ำ หรือละเลยต่อการเปลี่ยนถ่าย อาจไม่ส่งผลชัดเจนในทันที แต่แน่นอนว่าเครื่องยนต์จะหลวมเร็วขึ้น และกำลังอาจลดลงบ้าง
เครื่องยนต์หัวฉีด
เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น อย่ารีบสรุปลงไปที่กล่องอีซียูเสีย เพราะไม่ได้เสียกันง่ายๆ ควรตรวจสอบเป็นจุดๆ ไป พื้นฐานปัญหาก็มีเหมือนกับเครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์ คือ หัวเทียนบอด ไส้กรองตัน วาล์วรั่ว สายหัวเทียนขาดใน ปั๊มเสีย ฯลฯ
 
โดยรวมแล้ว เครื่องยนต์หัวฉีด ทนทานและจุกจิกน้อยกว่า เครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์ด้วยซ้ำ แท็กซี่มิเตอร์พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า 300,000-400,000 กิโลเมตร ยังไร้ปัญหา
 
โมดิฟาย
เพิ่มจาก 2 ทางเลือกหลัก คือ 1. เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ เหมาะกับรถยนต์ญี่ปุ่น เพราะมีเครื่องยนต์และอะไหล่เก่าจากญี่ปุ่นจำนวนมาก 2. ปรับแต่งเครื่องยนต์เดิม เหมาะสำหรับรถยนต์ยุโรป ที่เครื่องยนต์เก่าราคาแพง
หากเลือกแต่งแบบเบาะๆ กับเครื่องยนต์เดิม ไม่หนักหน่วงถึงขนาดติดตั้งเทอร์โบ ก็ทำได้แค่ภายนอกเครื่องยนต์ เช่น เปลี่ยนไส้กรองอากาศ หัวเทียน สายหัวเทียน เฮดเดอร์-ท่อไอเสีย รวมกันแล้วไม่น่าได้กำลังเพิ่มขึ้นเกิน 5-10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น !
 
ไส้กรองอากาศ หากตัน แรงตก กินน้ำมัน
ถ้าหมดอายุและปล่อยให้ฝุ่นละอองรั่วเข้าสู่เครื่องยนต์ได้ นอกจากแหวน-ลูกสูบ-กระบอกสูบจะสึกหรอเร็วกว่าปกติ ยังมีผลทำให้น้ำมันเครื่องสกปรกและหมดอายุเร็วขึ้น เพราะฝุ่นละอองเล็ดลอดผ่านแหวนลูกสูบลงไปผสมกับน้ำมันเครื่องด้านล่าง
 
สายพานไทม์มิ่ง
สายพานไทม์มิ่งหรือสายพานราวลิ้น เป็นสายพานขับเคลื่อนแคมชาฟท์ของเครื่องยนต์ที่มีแคมชาฟท์เหนือฝาสูบ
เครื่องยนต์ทุกรุ่นไม่ได้ใช้ระบบนี้เสมอไป อาจใช้โซ่โลหะแทน แต่ถ้าใช้ระบบสายพานไทม์มิ่งซึ่งมีส่วนผสมของยาง อายุการใช้งานที่ผู้ผลิตกำหนดไว้เฉลี่ย 100,000 กิโลเมตร แต่นั่นเป็นมาตรฐานในต่างประเทศที่อากาศไม่ร้อนจัด การจราจรไม่ติดขัดมาก
 
การใช้งานในเมืองไทย ถ้าใช้ในกรุงเทพฯ การจราจรติดขัด เครื่องยนต์หมุนตลอดเวลา แต่ระยะทางไม่ค่อยขึ้น ควรเปลี่ยนที่ 50,000-60,000 กิโลเมตร ต่างจังหวัดจราจรไม่ติดขัด ควรเปลี่ยนที่ 60,000-80,000 กิโลเมตร เพราะถ้าสายพานไทม์มิ่งขาด จะเกิดความเสียหายมาก เช่น วาล์วคด ลูกสูบร้าว ฯลฯ ถ้าจะให้ปลอดภัยที่สุด ลดกำหนดการเปลี่ยนมาไว้ที่ 50,000 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายไม่เกิน 3,000-5,000 บาทต่อครั้ง

วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Content4

ผมใช้a33 เครื่อง 2000 cc.ใช้น้ำมันเบนซิน 91, แก็สโซฮอล 95  สองวันที่ผ่านมาขับไป JJมอล์ลขึ้นไปจอดรถที่ลานจอดข้างบน กลับลงมา เครื่องยนต์มีปัญหา เวลาเร่ง เครื่องยนต์สะดุด เร่งไม่ขึ้นเหมือนจะดับ จอดติดไฟแดง ใส่เกียร์ N ไว้ เครื่องดับ ต้องสตาร์ทใหม่2-3 รอบถึงติด เอาไปอู่ซ่อมนิสสัน ช่างบอกว่าระบบ AC วาล์วลิ้นปีกผีเสื้อจ่ายน้ำมันอาจตัน เลยให้เค้าล้างให้ อาการก้อดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่รอบยังสูงไป ช่างเลยเอาลิ้นปีกผีเสื้อมาลองเปลี่ยนใหม่ปรากฎว่ารอบต่ำ พอเอามาเซ็ท ECU ปรากฎว่าตั้งค่า AC วาล์วไม่ได้ ลองเปลี่ยน AC วาล์วหลายตัวก้อไม่หาย ช่างเช็คที่คอยล์ดูบอกว่าเป็นที่ คอยส์รั่วทั้ง 6ตัวเลย หน้าหลัง แต่บอกช่างยังไม่เปลี่ยนเพราะงบไม่พอ พอช่างมาไล่สายไฟ เอาECUมาถอดดูปรากฎว่า ช่างบอกว่า ECUเสียต้องเอาไปซ่อมหรือ ซื้อใหม่ ผมเลยเลยบอกเอาไว้ก่อน เพราะว่ายังขับได้และเซ็คค่าอย่างอื่นได้อยู่ เพราะรอบสูง เวลาเปิดแอร์ รอบก้อจะอยู่ที่ 800-900 แต่ขออย่าให้เครื่องสะอึก หรือเวลาจอดแล้วดับก้อพอ พอทำเสร็จ เครื่องยนต์ดูเหมือนอืดๆอยู่ ท่อไอเสียสะอึกลูกสูบทำงานไม่เต็มที่ เลยลองเช็คเครื่องดู ปรากฎว่า ก้มไปมองที่ใต้ห้องเครื่องตรงช่วงข้อต่อท่อไอเสียร้อนจนเหล็กแดง ช่างเลยบอกว่าแคตตันที่กรองตรงหม้อพักไอเสียหน้าหลังตัน ต้องกระทุ้งแคตที่อยู่หม้อพักพักไอเสียตรงด้านหน้าและตรงกลางท่อไอเสียออก เพราะเป็นสาเหตุทำให้เครื่องอืดและเครื่องยนต์สะดุดสะอึก พอเอาออกอาการก้อยังเหมือนเดิมลองสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้ ช่วงข้อต่อท่อไอเสียยังร้อนจนเหล็กแดงเหมือนเดิม เครื่องยนต์แถมดันมารอบต่ำอีก เช็คดูที่ ECU อาการฟ้องว่ารอบไม่ปกติ ลูกสูบทำงานแค่ 4 ตัว ตัวที่ 1กับ 3 ไม่ทำงาน เครื่องยนต์สั่นเหมือนจ้าวเข้าเลยคับ นั่งรอตั้งแต่ 5โมงเช้าถึงสี่ ทุ่มเลยต้องจอดรถทิ้งไว้ ยังหาปัญหาไม่เจอเลย แต่ช่างบอกว่ายังไงต้องเปลี่ยน ECU เพราะรอบไม่นิ่งลูกสูบไม่ทำงาน 2ตัวตั้งค่า AC ไม่ได้ ช่วยแนะนำได้ไหมคับ พอจะทราบปัญหาแบบนี้รึป่าว T T"

         อาแว่นดีใจ จบแล้วคับ!! ขอบคุณลุงยิ้ม ที่แนะนำและให้คำปรึกษา สรุปแว้...เอ้ย ! ว่า 
คอยล์รถผมถึงเวลา ต้องปลี่ยนยกชุด รถผมใช้แก็สโซฮอล์ล 95 ใช้งาน 125000 กิโลเมตร จึงมีอาการคอยล์รั่วพร้อมกันทั้ง 6ตัว ลูกสูบทำงานไม่เต็มที่ และแคตตัน(ไม่รู้สะกดแคตถูกรึป่าว)ที่หม้อพักด้านหน้าและตรงกลาง จึงทำให้เครื่องยนต์สะอึกวิ่งหนืดๆ พอแคตตันข้อต่อช่วงท่อไอเสียกับเครื่องยนต์จึงเกิดอาการร้อนจนเหล็กแดง จึงทำให้ระบบไฟช็อตย้อนกลับไปที่ ECU ทำให้กล่อง ECU เสีย ลามไปช็อตที่ตัว AC ที่ลิ้นปีกผีเสื้อด้วย 
    สรุป ว่า.... ต้องเอา ECU ไปซ่อม เปลี่ยนคอยล์ใหม่ทั้งหมด 6ตัวราคาสั่งศูนย์ ตัวละ1950 บาท บวก VAT 7% เปลี่ยน AC วาล์วควบคุมรอบที่ลิ้นปีกผีเสื้อใหม่(AC วาล์วอาจดูเหมือนว่ายังใช้ได้ แต่ช่างซ่อม ECU ที่เชียงกงบอกว่าควรเปลี่ยนใหม่เพราะถ้าAC วาล์ว ยังช็อตอยู่ก้อจะทำให้กล่อง ECU เสียอีก)  กระทุ้งแคตที่ตัน ที่หม้อพักไอเสียหน้าหลังออก (ขอบคุณลุงยิ้มที่แนะนำพี่อู๊ดและพี่ตั๊กที่รู้เรื่องเกี่ยวกับ ECU ให้ แต่พี่เค้าอยู่ไกลเลยเอาไปซ่อมที่เชียงกงบางนาแทน ค่าซ่อมอาจแพงกว่าพี่อู๊ดและพี่ตั๊ก แต่พอดีรอรับได้เลยประมาณ 1ชั่วโมง จึงขอโทษพี่อู๊ดและพี่ตั๊กด้วยนะคับที่โทรไปปรึกษาแต่ไม่ได้ไปใช้บริการ) ขอบคุณเพื่อนๆในเวป FF แนะนำตอบคำถามกระทู้ที่ผมตั้งไว้ ได้ความรู้เกี่ยวกับระบบเครื่องยนต์ A33 มากขึ้นเยอะเลย ขอบคุนมากคับ....  *///+//** อ้อ! ถ้าเพื่อนๆเจออาการแบบผม เวลาเปลี่ยนคอยล์ใหม่แล้ว เพื่อนอย่าลืมเปลี่ยนหัวเทียนใหม่ยกชุดด้วยนะคับ ช่างบอกหัวเทียนก้อมีส่วนทำให้คอยล์เสียง่ายด้วย ถ้าเจอปัญหาแบบผม ถ้ายังสงสัยอยู่ ก้อโทรมาถามได้นะคับ เคยมีประสบการณ์แล้ว *-*   

Content 3

จากกระทู้เก่าๆที่ผมหาสาเหตุนี้มากว่า 2 เดือน  อธิบายอาการก่อนนะครับ

ขับๆอยู่ รอบสวิงต่ำลงมาก จนรถเหมือนจะวูบดับแต่มันไม่ดับครับ

เหยียบคันเร่ง ก็ไม่ตอบสนองหรือเรียกว่าอาการวืด ต้องดับเครื่องกลางคันก่อน แล้วสตาร์ทเครื่องใหม่จึงจะประคองไปได้ เวลาที่มันรอบสวิงต่ำมากจะอยู่ที่ 300-400 สวิงขึ้นลงๆ พอเราเหยียบคันเร่งรอบมันจะต่ำ พอเราปล่อยคันเร่งรอบก็จะสูงขึ้นมาหน่อยแต่ไม่เกิน 500

พอประคองรถลงข้างทางขณะที่รอบมันสวิงอยู่ ผมเปิดฝากระโปรงดู ปรากฎว่า เครื่องยนต์สั่นมาก อย่างกะจ้าวเข้า

ครั้งแรกไปเปลี่ยน ปีกผีเสื้อ ไม่หาย

ครั้งที่สองศูนย์วิเคราะห์อาการว่า หัวฉีดตัน เปลี่ยนไป 18000 ไม่หาย

ครั้งสุดท้าย(ขอให้เป็นครั้งสุดท้าย) เปลี่ยนเจ้าตัวที่ชื่อว่า เซนเซอร์ท่อไอเสีย Oxegen sensor

อาการที่บอกมาข้างต้น หายเป็นปลิดทิ้ง

พี่ๆท่านได้ที่รถติดแก๊ซมานานๆ แล้วเจออาการแบบผม ก็ลองให้ช่างเช็คตัวที่ผมบอกดูนะครับ ราคาอยู่ที่ 3800 มั้งครับ ตัวเท่าหัวเทียน มันจะปักอยู่ตรงด้านล่างของเครื่องยนต์

ลักษณะเหมือนหัวเทียน ปักอยู่มีสายต่อมาหน่อย ไว้จะลงรูปให้ดูครับ



Content2

รถผม1.6 มีอาการกระตุก เพราะคอยล์จุดระเบิดเสื่อมครับ
ผมติดแก๊ส LPGมาปีกว่าวิ่งแก๊สไปได้4หมื่นกว่าโล

อาการคือ
เหยียบเร่งแซงไม่ขึ้น คิ๊กดาวน์ เกียร์ก็ไม่เทริน
จอดรอไฟแดง เข้าเกียร์D เหยียบเบรคไว้ ก็มีอาการกระตุก เป็นช่วงๆ เดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย ไม่เป็นจังหวะ
เวลาถอยก็กระตุก ตุ๊ปๆๆๆ ถี่ และแรง
สับใช้น้ำมัน ดีขึ้นแต่ไม่หาย 
นึกแปลกใจอยู่ว่า กระตุกแต่ไฟเอ็นจิ้น ทำไมไม่โชว์?

ก็เลย....
ไปอู่แก๊สก่อน เช็คระบบแก๊สก็ปกติดี 
ช่างบอกว่า "คอยล์จุดระเบิดน่าจะเสื่อม" (แต่ไม่มีคอยล์ ลองสลับดูเลยไม่รู้) 
คอยล์จุดระเบิดตัวละ5พันกว่าๆ จ่ายเยอะไป แล้วถ้าไม่หายก็เสียเงิน...
ตอนนั้นสังเกตุดูภายในห้องเครื่องก็ปกติดี

ต่อมาเข้าไปเช็คที่0 ให้เช็คระบบจากกล่องECU เผื่อจะเจอว่า คอยล์สูบไหนเสีย
ช่างบอก "ระบบก็ปกติ คอยล์ไม่เสียหรอก อย่างงี้ต้องเปิดฝาวาวล์" (เสนอราคาที่3หมื่นกว่า) ไม่รับรองผลด้วย
........ผมคิดว่าจ่ายเยอะไป

ผมเลยมาหาข้อมูลในWebนี้ 
แนะนำว่า ลองไปตั้งวาว์ลดูก่อน แค่พันกว่าบาท และก็เช็ควาว์ลไปในตัวด้วย
พอตั้งเสร็จแล้ว ก็ยังม่หาย

มาคิดๆว่า จะลองสับคอยล์ดู เพราะพี่ชายมีมาสด้า2 เห็นBlock เครื่องคล้ายกัน
ก็เลยตั้งกระทู้ถาม ว่าใช้แทนกันได้มั้ย?
แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้ไปลองสับคอยล์ เพราะไม่มีเวลา

ผ่านมาร่วม3สัปดาห์ ไฟเอ็นจิ้น เริ่มโชว์ กระพริบๆ
ช่วงนั้นขับไปก็เซ็งไป กระตุก เร่งไม่ขึ้น ขึ้นทางลาดก็ไม่มีแรง 
ออกตัวก็โดนจี้ตูดตลอด ยิ่งถ้าเปิดแอร์เปิดไฟ มันจะหนักขึ้น

มาตอนหลังเปิดฝาเครื่องดู 
สังเกตุได้ว่า มันเริ่มมีเสียงดัง แป๊ป!ๆ ช่วงจังหวะที่เครื่องกระตุก ตอนนี้เสียงมันเด่นชัดขึ้น 
ลองStartเครื่อง+ยกกล่องไอดีแล้วมองเข้าไปดู 
เห็นเลยครับว่า มีประกายไฟแล๊ป แป๊ป!ๆ ออกมาที่สูบ1 ระหว่างคอยล์กับฝาคลอบวาวล์
เลยถอดคอยล์ออกมาดู 
เออ....มันมีรอยเขม่าสีขาวๆ ที่เกิดจากไฟอาร์คจริงๆ ที่รูฝาคลอบวาวล์และตัวคอยล์ 
ดูที่คอยล์ก็ไม่มีรอยแตกนี่ ก็ลองเอาผ้าเทปพันหุ้มดู 
คิดว่าคงกันไม่ให้ไฟรั่วออกมา
แล้วลองStartดูอีกที "เอ้อ...หายแล้ว" ไม่มีอาการกระตุกแต่อย่างใด
เฮ้อ..........คงต้องเปลียนคอยล์จริงๆ

เลยมาคิดย้อนหลังดู
-ตอนไปเช็คระบบที่ศูนย์ แล้วทำไม? ไม่เจอว่าคอยล์เสีย 
ผมคิดว่า ไฟที่จุดระเบิดเป็นOut put และ จุดระเบิดแต่ละครั้ง กระแสมันสูง ECUบันทึกไม่ได้ว่าคอยล์ผิดปกติ 
-และดีน่ะที่ไม่ยกทำฝาวาวล์ก่อน (ไม่งั้นเสีย3หมื่นแน่กู)
-ตั้งวาล์วไปพันสอง+หัวเทียนเข็มอีก8ร้อยกว่าบาท (ปลอบใจตัวเองว่า ยังงัยก็ต้องทำอยู่ดี)

สรุป: ที่รถผมเครื่องกระตุกเพราะ ไฟจุดระเบิดรั่ว ที่คอยล์หัวเทียน ทำให้สูบทำงานไม่เต็มครับ
-อาการตอนแรกจะยังไม่เห็น รอยไฟรั่วออกมา
-ถึงแม้ดูภายนอกคอยล์ จะไม่มีรอยแตกก็ตาม ไฟก็รั่วออกมาได้ครับ

หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับท่านอื่นบ้างครับ ที่เจอปัญหา เดียวกัน

ผมก็ "ขอขอบคุณทุกท่าน" ที่ช่วยให้คำแนะนำ ตั้งแต่กระทู้ที่แล้วมา มากๆครับ
.....ต๊ะ